เมนู

และอรูปาวจรนั้น ไม่อาจที่จะแผ่ไปถึงกรรมที่เป็นรูปาวจรและอรูปาวจร
แล้วยึดถือเป็นโอกาสของตนตั้งอยู่ ที่แท้ กรรมที่เป็นรูปาวจรและอรูปาวจร
นั่นเอง ย่อมแผ่ทับกรรมที่เป็นกามาวจรเข้าตั้งแทนที่ เหมือนห้วงน้ำใหญ่
แผ่น้ำไปทีละน้อยเข้าตั้งแทนที่ ห้ามวิบากของกรรมที่เป็นกามาวจรนั้น
แล้วนำเข้าถึงความเป็นสหายกับพรหมในสมัยนั่นแล พรสูตรที่ดำเนินไป
ตามอนุสนธิทีเดียว เพราะตอนต้นเริ่มด้วยอำนาจกิเลส ตอนท้ายถือเอา
ด้วยอำนาจพรหมวิหาร.
จบ อรรถกถาอสังขาสูตรที่ 8

9. กุลสูตร



ว่าด้วยเหตุปัจจัย 8 อย่าง ทำให้ตระกูลคับแค้น



[620] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จจาริกไปในโกศล
ชนบท พร้อมด้วยภิกษุสงฆ์เป็นอันมาก เสด็จถึงนาฬันทคาม ได้ยินว่า
สมัยนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าประทัยอยู่ ณ ปาวาริกอัมพวันใกล้นาฬันทคาม
สมัยนั้นแล ชาวนาฬันทคามมีภิกษาหาได้ยาก เลี้ยงชีวิตอยู่ได้โดยฝืดเคือง
เกลื่อนกลาดด้วยกระดูก ต้องจับจ่ายด้วยสลาก (บัตรปันส่วน) สมัยนั้นแล
นิครณฐ์นาฏบุตรอาศัยอยู่ในนาฬันทคาม พร้อมด้วยบริษัทนิครณฐ์เป็น
อันมาก ครั้งนั้น นายบ้านนามว่าอสิพันธกบุตร สาวกนิครณฐ์ เข้าไปหา
นิครณฐ์นาฏบุตรยังที่อยู่ ไหว้แล้วนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้ว
นิครณฐ์นาฏบุตรได้พูดกับนายคามณีอสิพันธกบุตรว่า มาเถิดนายคามณี
จงยกวาทะแก่พระสมณโคดม กิตติศัพท์อันงามของท่านจักขจรไปอย่างนี้ว่า

นายคามณีอสิพันธกบุตรยกวาทะแก่พระสมณโคดมผู้มีฤทธิ์มากอย่างนี้ มี
อานุภาพมากอย่างนี้ นายคามณีถามว่า ท่านผู้เจริญ ข้าพเจ้าจะยกวาทะ
แก่พระสมณโคดมผู้มีฤทธิ์มาก มีอานุภาพมากอย่างไร นิครณฐ์นาฏบุตร
กล่าวว่า มาเถิดท่านคามณี จงเข้าไปหาพระสมณโคดม ครั้นแล้วจงกล่าว
กะพระสมณโคดมอย่างนี้ว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ พระผู้มีพระภาคเจ้า
ทรงสรรเสริญความเอ็นดู การตามรักษา ความอนุเคราะห์สกุลทั้งหลาย
โดยอเนกปริยายมิใช่หรือ ถ้าพระสมณโคดมถูกท่านถามอย่างนี้แล้ว ทรง
พยากรณ์อย่างนี้ว่า อย่างนั้นนายคามณี ตถาคตสรรเสริญความเอ็นดู การ
ตามรักษา ความอนุเคราะห์สกุลทั้งหลาย โดยอเนกปริยาย ท่านจงกล่าว
กะพระสมณโคดมนั้นอย่างนี้ว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ เมื่อเช่นนั้นทำไม
พระผู้มีพระภาคเจ้ากับภิกษุสงฆ์เป็นอันมากจึงเที่ยวจาริกอยู่ในนาฬันทคาม
อันเกิดทุพภิกขภัย เลี้ยงชีวิตอยู่ได้โดยฝืดเคือง เกลื่อนกลาดด้วยกระดูก
ต้องจับจ่ายด้วยสลากเล่า พระผู้มีพระภาคาเจ้าทรงปฏิบัติเพื่อตัดรอนสกุล
เพื่อให้สกุลเสื่อม เพื่อให้สกุลคับแค้น ดูก่อนนายคามมี พระสมณโคดม
อันท่านถามปัญหา 2 เงื่อนนี้แล้ว จะไม่อาจคาย จะไม่อาจกลืน (กลืนไม่
เข้าคายไม่ออก) ได้เลย.
[621] นายอสิพันธกบุตรรับคำนิครณฐ์นาฏบุตรแล้ว ลุกจาก
อาสนะไหว้นิครณฐ์นาฏบุตารทำประทักษิณแล้วเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า
ถึงที่ประทับ ถวายบังคมพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้ว นั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง
ครั้นแล้วได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ พระผู้มี-
พระภาคเจ้าทรงสรรเสริญความเอ็นดู การตามรักษา ความอนุเคราะห์

สกุลทั้งหลาย โดยอเนกปริยายมิใช่หรือ พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสตอบว่า
อย่างนั้น นายคามณี ตถาคตสรรเสริญความเอ็นดู การตามรักษา ความ
อนุเคราะห์สกุลทั้งหลาย โดยอเนกปริยาย.
คา. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ เมื่อเช่นนั้น ทำไมพระผู้มีพระภาคเจ้า
พร้อมด้วยภิกษุสงฆ์เป็นอันมาก จึงเที่ยวจาริกอยู่ในนาฬันทคามอันเกิด
ทุพภิกขภัย เลี้ยงชีวิตอยู่ได้โดยฝืดเคือง เกลื่อนกลาดด้วยกระดูก ต้อง
จับจ่ายด้วยสลากเล่า พระผู้มีพระภาคเจ้าปฏิบัติเพื่อตัดรอนสกุล เพื่อให้
สกุลเสื่อม ปฏิบัติเพื่อให้สกุลคับแค้น.
[622] . ดูก่อนนายคามณี แต่ภัทรกัปนี้ไป 91 กัป ที่เรา
ระลึกได้ เราไม่รู้สึกว่าเคยเบียดเบียนสกุลไหน ๆ ด้วยการถือเอาภิกษาที่สุก
แล้วเลย อนึ่งเล่า สกุลเหล่าใดมั่งคั่ง มีทรัพย์มาก มีโภคะมาก มีทอง
และเงินมาก มีทรัพย์คือเครื่องอุปกรณ์มาก มีทรัพย์คือข้าวเปลือกมาก
สกุลทั้งปวงนั้นเจริญขึ้นเพราะการให้ทาน เพราะสัจจะและสัญญมะ ดูก่อน
นายคามณี เหตุปัจจัย 8 อย่างเพื่อความคับแค้นแห่งสกุลทั้งหลาย คือ
สกุลทั้งหลายถึงความคับแค้นจากพระราชา 1 จากโจร 1 จากไฟ 1 จาก
น้ำ 1 ทรัพย์ที่ฝังไว้เคลื่อนจากที่ 1 ย่อมวิบัติเพราะการงานประกอบไม่ดี 1
ทรัพย์ในสกุลเดิมเป็นถ่านไฟ 1 คนในสกุลใช้จ่ายโภคทรัพย์เหล่านั้นฟุ่ม-
เฟือย ให้พินาศสูญหายไป 1 ความไม่เที่ยงเป็นที่ 8 ดูก่อนนายคามณี
เหตุปัจจัย 8 อย่างเหล่านี้แล เพื่อความคับแค้นของสกุลทั้งหลาย เมื่อเหตุ
ปัจจัย 8 อย่างเหล่านี้มีอยู่ ผู้ใดพึงว่าเราอย่างนี้ว่า พระผู้มีพระภาคเจ้า

ปฏิบัติเพื่อให้สกุลขาดสูญ เพื่อให้สกุลเสื่อม เพื่อให้สกุลคับแค้น ดังนี้
ผู้นั้นยังไม่ละวาจานั้น ยังไม่ละความคิดนั้น ยังไม่สละทิฏฐินั้น ต้องดิ่งลง
ในนรกแน่แท้.
เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสอย่างนี้แล้ว นายคามณีอสิพันธกบุตร
ได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ พระธรรมเทศนา
ของพระองค์แจ่มแจ้งนัก ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ พระธรรมเทศนาของ
พระองค์แจ่มแจ้งนัก ฯลฯ ขอพระผู้มีพระภาคเจ้าโปรดทรงจำข้าพระองค์ว่า
เป็นอุบาสกผู้ถึงพระรัตนตรัยเป็นสรณะจนตลอดชีวิต ตั้งแต่วันนี้เป็นต้น
ไปเถิด พระเจ้าข้า.
จบ กุลสูตรที่ 8

อรรถกถากุลสูตรที่ 9



ในกุลสูตรที่ 9 พึงทราบวินิจฉัยดังต่อไปนี้.
บทว่า ทุพฺภิกฺขา แปลว่า มีภิกษาหาได้ยาก. บทว่า ทฺวีหิติกา
ความว่า มีความเป็นอยู่เป็นไปอย่างนี้ว่า พวกเราจักมีชีวิตอยู่ได้หรือไม่หนอ.
ปาฐะว่า ทุหิติกา ดังนี้ก็มี เนื้อความก็อย่างนี้แหล่ะ ชื่อว่า ทุหิติกา
ในข้อว่าเป็นอยู่ลำบาก นี้เพราะไม่อาจประกอบการงานอะไร ๆ ได้สะดวก
ชื่อว่า เสตฏฺฐิกา เพราะมีกระดูกของคนที่ตายในที่นั้น ๆ ขาวเกลื่อนกลาด.
บทว่า สลากวุตฺตา ได้แก่มีชีวิตอยู่ได้เพียงใช้สลาก (บัตรปันส่วน) คือ
ความเป็นอยู่ในนาฬันคามนั้น เพียงใช้สลากเท่านั้น อธิบายว่า ให้เกิดผล.